อัฟยอน เปรียบเสมือนประตูระหว่างฝั่งทะเลพร้อมกับผืนแผ่นดินของอนาโตเลีย ประวัติศาสตร์เริ่มตั้งแต่ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล อัฟยอนถูกปกครองโดยฮิตไตต์ ฟรีเจียน ลิเดียน เปอร์เซีย โรม พร้อมด้วยท้ายที่สุดคือไบแชนไทน์ ที่ได้ครอบครองเมืองในชื่อ อโครโนส (Akroenos) และถัดมาเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น นิโคโปลิส (Nikopolis) ก่อนที่จะน่าจะตกเป็นของเซลจุกพร้อมด้วยออตโตมันในเวลาต่อมา ภายใต้ความสวยงามงามพร้อมทั้งประวัติศาสตร์อันยาวเป็นเวลาช้านาน ทัวร์ตุรกีจะอาจพาคุณไปชมอัฟยอนกันเลยจ้า
ชื่อจริงของอัฟยอนคือ อัฟยอนคาราฮิชาร์ (Afyonkarahisar แปลว่า ป้อมฝิ่นสีดำ) ทุกวันนี้คือเมืองที่ปลูกฝิ่นเพื่อจะใช้ในการแพทย์โดยถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมด้วยยังเป็นเมืองที่สร้างอุตสาหกรรมหินอ่อน อัฟยอนมีสถานอาบน้ำแร่หลายแห่ง ได้แก่ กัชลึเกล (Gazligol Kaplicatlari) เกเจ็ค (Gecek) ฮูได (Hudai) สถานที่สามารถอาบโคลนได้คือ ซานดิคลึ (Sandikli) พร้อมมีที่อาศัยอยู่
สถานที่น่าสนใจในอัฟยอน อาทิ พิพิธภัณฑ์โบราณคดี จัดปรากฏโบราณวัตถุสมัยโรมัน, อนุสรณ์สถานรำลึกถึงสงครามอิสรภาพ , ป้อมรพอัฟยอน ซึ่งทำในสมัยไบแชนไทน์ ส่วนด้านเหนือมีสิ่งก่อสร้างสมัยฟรีเจีน เป็นหินที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา นอกจากนี้ ใกล้ทางหลวงเดนิซลี (Denizli) เป็นที่ตั้งของเมือง Dazkili ซึงมีชื่อเสียงด้านพรมและคิลิม คือพรมพื้นเมืองของตุรกี
• มิเลท (Milet) หรืออีกนามหนึ่งคือ มิเลทุส ในช่วงศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาล เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าขายที่พิเศษในแถบเมดิเตอร์เรเนียน พร้อมทั้งเป็นบ้านเกิดของนักปรัชญาเยอะ โบราณสถานที่สำคัญเป็นต้นว่า โรงละครโบราณ จุคนได้ถึง 15,000 คน เมื่อขึ้นไปไปด้านบนจะจะเห็นทิวทัศน์ของเมืองโดยรอบ ซากวิหารเดลฟิก อะพอลโล (Sanctuary of the Delphic Apollo) โรงอาบน้ำเฟาล์ตินา (Faustina Bath) สร้างโดยจักรพรรดิโรมันชื่อว่า มาร์คุส ออเรลิอุส (Markus Aurelius) เพื่อที่จะเป็นของขวัญให้กับภรรยา ใกล้กันมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ จัดปรากฏถึงสิ่งของที่พบในมิเลท พร้อมกับสุเหร่าอิลยัสเบย์ (Ilyas Bey Cami) สร้างในศตวรรษที่ 15 มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นโดยเฉพาะโดมภายในประดับสวยงามอีกด้วยหินอ่อน
• กูลกูบาเช (Gullubahce) หรือไม่ พริเอเน (Priene) กูลกูบาเช เคยคือเมืองท่าสำคัญในสมัยไอออนเนียน มีความสำคัญหลายๆในช่วง 300 ปี ก่อนคริสตกาล เมื่อมีการประชุมสภาพร้อมทั้งมีการจัดเทศกาลรื่นเริงขึ้นไปที่นี่ ผังเมืองวางแบบไว้อย่างดีเป็นแบบเรขาคณิต โดยฮิปโปดาโมสแห่งมิเลโทส ในศตวรรษที่ 4 ซึ่งคงสามารถเห็นได้อยู่ ในเมืองมีอะโครโบลิสซึ่งทำในสมัยเฮเลนนิสติก โบราณสถานที่ยังคงอยู่ ตัวอย่างเช่น ตลาด ที่ประชุมสภา โรงละคร วิหารเดเมเตอร์ พร้อมกับวิหารอะธีนา
• ดิดิม (Didim) หรือไม่ ดิดิย์มา (Didyma) ในสมัยก่อน เมืองดิดิมเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ คือที่ตั้งของวิหารอะพอลโล แม้ว่าจะน่าจะเกิดการรบพุ่งพร้อมทั้งถูกเผาหลายครั้ง แต่ทุกวันนี้ ยังสามารถเห็นมุขพร้อมด้วยทางเดินที่มีเสาเรียงรายสองฟากอยู่รอบตัววิหาร รวมทั้งรูปปั้นหัวเมดูซา วิหารอะพอลโลที่เห็นในเดี๋ยวนี้สร้างใหม่ในศตวรรษที่ 4 ต่อจากที่ของเดิมถูกทำลายเช่นกันน้ำมือชาวเปอร์เซีย วิหารนี้เคยเป็นศูนย์รวมของคนทรงและนักบวชในยุคไอออนนิก ผู้ที่แสวงหาความรับทราบเกี่ยวกับโหราทำนายจะก็จะมาเพื่อให้ศึกษา ซึ่งดิดิม แปลงมาจากคำว่า ดิดีย์โมยอน (Didymeion) คือภาษาโบราณ แปลว่า สถานที่ที่คนทรงบอก ดิดิมในอดีตมีแต่เพียงนักบวชพำนักอยู่แค่นั้น ไม่มีชาวบ้านอยู่อาศัยอยู่ นักบวชอาจจะเคยพาครอบครัวมาพำนักเช่นกัน นักบวชที่ความฝันในเทพอะพอลโลเหล่านี้เป็นพวกที่มาจากเมืองเดลฟีในกรีซ วิหารในดิดิมถือว่ามีความสำคัญไม่พ่ายแพ้วิหารที่เดลฟี